คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๑๓๖๗๓/๒๕๕๕
ป.วิ.อ. การรับฟังพยานหลักฐาน (มาตรา ๒๒๗)
ผู้เสียหายถูกอาวุธมีดฟันที่ด้านหลังขณะวิ่งหนี หลังจากนั้นถูกฟันที่บริเวณใบหน้า เมื่อล้มแล้วถูกทำร้ายที่ศีรษะและท่อนแขน ดังนั้น การที่ผู้เสียหายถูกทำร้ายในครั้งแรกโดยถูกอาวุธมีดฟันที่ด้านหลังแล้วถูกทำร้ายต่อเนื่องกันมา ย่อมเป็นการยากที่ผู้เสียหายจะสังเกตได้ว่ามีผู้ใดบ้างมาทำร้าย เนื่องจากต้องใช้มือและแขนคอยปกป้อง ซึ่งสอดคล้องกับคำของผู้เสียหายตอบที่ปรึกษากฎหมายจำเลยถามค้านว่า ผู้เสียหายจำ ป. ที่ใช้อาวุธมีดฟันบริเวณใบหน้าและแขนผู้เสียหายได้เท่านั้น ส่วนบุคคลอื่นจำไม่ได้
ที่ผู้เสียหายเบิกความตอบโจทก์ว่า เห็นจำเลยอยู่ในกลุ่มคนที่ทำร้าย เนื่องจาก มีแสงสว่างจากเสาไฟฟ้าสาธารณะบริเวณสี่แยกซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุ แต่เมื่อพิจารณาจากแผนที่สังเขปแสดงสถานที่เกิดเหตุ ไม่ปรากฏว่าเสาไฟฟ้าสาธารณะบริเวณสี่แยกอยู่ตรงจุดไหน และห่างจากจุดที่ผู้เสียหายถูกทำร้ายเพียงใด และที่ผู้เสียหายอ้างว่าศาลากลางหมู่บ้านที่กลุ่มวัยรุ่นนั่งดื่มสุรามีแสงไฟจากเสาไฟฟ้าสาธารณะก็ไม่ปรากฏที่ตั้งของเสาไฟฟ้าในแผนที่เช่นกัน
นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาจากแผนที่สังเขปแสดงสถานที่เกิดเหตุ ปรากฏว่า ระหว่างศาลากับจุดที่ผู้เสียหายถูกทำร้ายอยู่ฝั่งเดียวกันและมีบ้านคั่นกลาง ๓ หลัง ที่ จ. พยานโจทก์อีกปากหนึ่งเบิกความอ้างว่า เห็นจำเลยอยู่ที่ศาลาในระยะห่าง ๒๐ เมตร เพราะขณะที่จำเลยลุกขึ้นยืนไฟฟ้าส่องหน้าจำเลยนั้น จึงไม่น่าจะเป็นไปได้ เนื่องจากมีบ้านบังอยู่ และได้ความจากพยานโจทก์ว่า วันเกิดเหตุไม่ได้ขับรถจักรยานยนต์ผ่านศาลาดังกล่าว
พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมานับว่ามีเหตุสงสัยตามสมควรว่าจำเลยเป็นคนร้ายที่ร่วมกระทำผิดหรือไม่ จึงต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย
คําพิพากษาศาลฎีกาที่ ๔๗๘๗/๒๕๕๔
ป.วิ.อ. อํานาจการสอบสวน (มาตรา ๑๒๐)
การสอบสวนเป็นอํานาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวน ซึ่งในการปฏิบัติหน้าที่ก็เป็นดุลยพินิจของพนักงานสอบสวนในการรวบรวมพยานหลักฐานภายในขอบเขตของกฎหมาย เมื่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามิได้บัญญัติให้การตรวจสถานที่เกิดเหตุจะต้องกระทำต่อหน้าจำเลย แม้จะได้ความว่าขณะพนักงานสอบสวนตรวจสถานที่เกิดเหตุจําเลยมิได้อยู่ที่บ้านเกิดเหตุ ก็หาทำให้การสอบสวนไม่ชอบด้วยกฎหมายไม่
ป.วิ.อ. การรับฟังพยานหลักฐาน (มาตรา ๒๒๗)
ผู้เสียหายถูกอาวุธมีดฟันที่ด้านหลังขณะวิ่งหนี หลังจากนั้นถูกฟันที่บริเวณใบหน้า เมื่อล้มแล้วถูกทำร้ายที่ศีรษะและท่อนแขน ดังนั้น การที่ผู้เสียหายถูกทำร้ายในครั้งแรกโดยถูกอาวุธมีดฟันที่ด้านหลังแล้วถูกทำร้ายต่อเนื่องกันมา ย่อมเป็นการยากที่ผู้เสียหายจะสังเกตได้ว่ามีผู้ใดบ้างมาทำร้าย เนื่องจากต้องใช้มือและแขนคอยปกป้อง ซึ่งสอดคล้องกับคำของผู้เสียหายตอบที่ปรึกษากฎหมายจำเลยถามค้านว่า ผู้เสียหายจำ ป. ที่ใช้อาวุธมีดฟันบริเวณใบหน้าและแขนผู้เสียหายได้เท่านั้น ส่วนบุคคลอื่นจำไม่ได้
ที่ผู้เสียหายเบิกความตอบโจทก์ว่า เห็นจำเลยอยู่ในกลุ่มคนที่ทำร้าย เนื่องจาก มีแสงสว่างจากเสาไฟฟ้าสาธารณะบริเวณสี่แยกซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุ แต่เมื่อพิจารณาจากแผนที่สังเขปแสดงสถานที่เกิดเหตุ ไม่ปรากฏว่าเสาไฟฟ้าสาธารณะบริเวณสี่แยกอยู่ตรงจุดไหน และห่างจากจุดที่ผู้เสียหายถูกทำร้ายเพียงใด และที่ผู้เสียหายอ้างว่าศาลากลางหมู่บ้านที่กลุ่มวัยรุ่นนั่งดื่มสุรามีแสงไฟจากเสาไฟฟ้าสาธารณะก็ไม่ปรากฏที่ตั้งของเสาไฟฟ้าในแผนที่เช่นกัน
นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาจากแผนที่สังเขปแสดงสถานที่เกิดเหตุ ปรากฏว่า ระหว่างศาลากับจุดที่ผู้เสียหายถูกทำร้ายอยู่ฝั่งเดียวกันและมีบ้านคั่นกลาง ๓ หลัง ที่ จ. พยานโจทก์อีกปากหนึ่งเบิกความอ้างว่า เห็นจำเลยอยู่ที่ศาลาในระยะห่าง ๒๐ เมตร เพราะขณะที่จำเลยลุกขึ้นยืนไฟฟ้าส่องหน้าจำเลยนั้น จึงไม่น่าจะเป็นไปได้ เนื่องจากมีบ้านบังอยู่ และได้ความจากพยานโจทก์ว่า วันเกิดเหตุไม่ได้ขับรถจักรยานยนต์ผ่านศาลาดังกล่าว
พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมานับว่ามีเหตุสงสัยตามสมควรว่าจำเลยเป็นคนร้ายที่ร่วมกระทำผิดหรือไม่ จึงต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย
คําพิพากษาศาลฎีกาที่ ๔๗๘๗/๒๕๕๔
ป.วิ.อ. อํานาจการสอบสวน (มาตรา ๑๒๐)
การสอบสวนเป็นอํานาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวน ซึ่งในการปฏิบัติหน้าที่ก็เป็นดุลยพินิจของพนักงานสอบสวนในการรวบรวมพยานหลักฐานภายในขอบเขตของกฎหมาย เมื่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามิได้บัญญัติให้การตรวจสถานที่เกิดเหตุจะต้องกระทำต่อหน้าจำเลย แม้จะได้ความว่าขณะพนักงานสอบสวนตรวจสถานที่เกิดเหตุจําเลยมิได้อยู่ที่บ้านเกิดเหตุ ก็หาทำให้การสอบสวนไม่ชอบด้วยกฎหมายไม่